พรีวิว Samsung Galaxy Note 10 กล้องมิติเทพ S-Pen กายสิทธิ์ กับรูหูฟังที่หายไป

Last updated: 8 ส.ค. 2562  |  941 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พรีวิว Samsung Galaxy Note 10 กล้องมิติเทพ S-Pen กายสิทธิ์ กับรูหูฟังที่หายไป

พรีวิว Samsung Galaxy Note 10 กล้องมิติเทพ S-Pen กายสิทธิ์ กับรูหูฟังที่หายไป

เปิดตัวเรียบร้อยสำหรับ Samsung Galaxy Note 10 นี่เพิ่งออกจากงานมาตะกี้เลย รีบพุ่งมาเขียนบล็อกอย่างไว มีอะไรน่าสนใจอีกเพียบเช่นเคยยยย

สำหรับ Samsung Galaxy Note นี่เราเป็นแฟนมือถือตระกูลนี้มาตั้งแต่รุ่นแรกละ ใช้มาครบทุกรุ่นยกเว้น Note 5 แค่นั้น ซึ่งรุ่นหลัง ๆ ตอนที่หลาย ๆ อย่างในตลาดมือถือเริ่มตันแล้ว ก็คอยตามจับตาดูตลอดว่า S-Pen จะมีลูกเล่นอะไรใหม่ ๆ มาให้ Note หวือหวาบ้าง

ปีนี้นี่ตอนแรกคือเดาไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรได้อีก เพราะที่ผ่านมาก็สมบูรณ์มากแล้ว แต่ก็ไม่วาย ซัมซุงยังอุตส่าห์คิดฟีเจอร์ใหม่ ๆ เท่ ๆ แถมใช้งานได้จริงมาเปิดตัวอีกจนได้ ! เดี๋ยวบล็อกนี้จะเล่าให้ฟังหมดเลยว่า Note 10 มีอะไรเด็ด ๆ น่าสนใจบ้าง เอ้า จัดปายยยยย

มีสองรุ่น Note 10 และ Note 10+



Galaxy Note รุ่นที่ผ่าน ๆ มาจะออกแค่รุ่นเดียวคือรุ่นที่จอใหญ่ไปเลย (คือใหญ่กว่าตัว Galaxy S ตัวใหญ่อีก) ก็เลยเจอปัญหาว่าผู้หญิงเอยหรือคนที่มือเล็กเอยเลยไม่สามารถใช้ Note ได้ คืออยากใช้ปากกานะแต่มันใหญ่ไปอ่ะ ถือไม่ได้จริง ๆ

ปีนี้ซัมซุงเลยจัดให้ด้วยการแตกมือถือ Note ออกเป็นสองรุ่นได้แก่

Note 10 เป็น Note รุ่นที่เล็กที่สุดตั้งแต่เคยทำมา หน้าจอ 6.3"



Note 10+ เป็น Note รุ่นที่จอใหญ่สุดตั้งแต่เคยทำมา จัดไปกับหน้าจอ 6.8" จ้าาา



โดยรวมสองรุ่นคล้ายกันมาก มีบางอย่างที่รุ่นเล็กถูกตัดออกไป แต่ก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญอะไร ดังนั้นมา Go through ทีละอย่างให้เห็นความเหมือนและความต่างของทั้งสองรุ่นเลยละกัน เริ่มจากสเปค

สเปค



เพื่อให้เข้าใจง่าย ขอเขียนสเปคโดยละเอียดของทั้ง Note 10+ และ Note 10 แยกไปเลยอย่างละก้อน โดยส่วนที่ไฮไลท์สีฟ้ากับสีส้มคือส่วนที่จะต่างจากของ Note ทั้งสองรุ่นครับ

สเปคของ Note 10+

เริ่มต้นจากพี่ใหญ่ก่อนเนอะ สเปคตามนี้ !

- CPU Snapdragon 855 (ทั่วโลก) หรือ Exynos 9825 (US)
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 6.8 นิ้ว ละเอียด 3040 x 1440 พิกเซล
- กล้องหลัง 3 ตัว: กล้อง Ultrawide 16 MP f/2.2, กล้องหลัก 12 MP f/1.5-2.4 และกล้องเทเล (45°) 12MP f/2.1
- ชุดกล้องด้านหลังมาพร้อมกล้อง DepthVision ละเอียด VGA สำหรับวัดความลึกภาพ เพิ่มมิติหน้าชัดหลังเบลอ
- กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล f/2.2 (FOV 80°)
- สแกนนิ้วใต้จอ (อยู่สูงจากรุ่น S10 มาหน่อย)
- RAM 12GB
- พื้นที่ภายใน 256/512GB สามารถใส่ microSD Card เพิ่มได้สูงสุด 1TB
- แบตเตอรี่ 4,300 mAh
- ขนาด 77.2 x 162.3 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก 196 กรัม

สเปคของ Note 10

ตามมาด้วยน้องเล็ก สเปคต่างจากพี่นิดหน่อย

- CPU Snapdragon 855 (ทั่วโลก) หรือ Exynos 9825 (US)
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 6.3 นิ้ว ละเอียด 2280 x 1080 พิกเซล
- กล้องหลัง 3 ตัว: กล้อง Ultrawide 16 MP f/2.2, กล้องหลัก 12 MP f/1.5-2.4 และกล้องเทเล (45°) 12MP f/2.1
- ไม่มีกล้อง DepthVision
- กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล f/2.2 (FOV 80°)
- สแกนนิ้วใต้จอ (อยู่สูงจากรุ่น S10 มาหน่อย)
- RAM 8GB
- พื้นที่ภายใน 256GB ไม่สามารถใส่ microSD Card เพิ่มได้
- แบตเตอรี่ 3,500 mAh
- ขนาด 71.8 x 151.0 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก 168 กรัม

โดยรวมก็ครบถ้วนแหละ ที่หายไปหลัก ๆ คงมีเรื่อง microSD Card ที่ใส่เพิ่มไม่ได้ เราก็บอกไม่ได้หรอกว่าพอไม่พอ ขึ้นอยู่กับการใช้ของแต่ละคน แต่ 256GB ก็ถือว่าเยอะพอสมควรแล้วแล ส่วนอีกอันที่หายไปคือกล้อง DepthVision ทำให้ความสามารถในการวัดความลึกของภาพคงไม่ได้แม่นยำเหมือนตัว Note 10+ แต่เท่าที่ลองดู ภาพออกมาก็ทำหน้าชัดหลังเบลอได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่ครับ

สรุปมันไม่ได้เป็นการตัดทอนอะไรไปมาก ส่วนใหญ่ตัดของที่ต้องใช้พื้นที่ (เช่นช่อง microSD) ออกไปเพื่อให้ขนาดมันเล็กลงได้เท่านั้นเอง ลองเล่นดูแล้วไม่รู้สึกถึงความต่างของทั้งสองรุ่นเลยครับนอกจากขนาด

รูปร่างภายนอก

ทั้งสองรุ่นรูปร่างภายนอกรวมถึงการวางปุ่มและฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ คือเหมือนกันเป๊ะ ต่างกันแค่ขนาดอย่างที่ว่าไว้ข้างบน เหมือน Note 10 โดนไฟฉายย่อส่วนมาหน่อยนึงประมาณนั้น งั้นมาดูรอบ ๆ กันว่าทั้งสองตัวเป็นยังไงบ้าง

เริ่มจาก Note 10+ ด้านหน้าโดยรวมคล้าย ๆ กับ S10+ แต่ความโค้งลดลงเนื่องจากต้องใช้พื้นที่ในการใส่ปากกา รวมถึงขอบจอด้านล่างก็แคบลงไปพอสมควรเมื่อเทียบกับ S10+ ส่วนกล้องก็ยังคงเป็นการเจาะรูหน้าจออยู่ แต่ย้ายจากมุมขวาบนมาอยู่ตรงกลางแทน ที่สังเกตเห็นคือ กล้องหน้าจะไม่มีกล้อง Depth ติดมาเหมือน S10+ แล้ว เหลือเพียงแค่กล้องตัวเดียวโดด ๆ อาจจะเพราะเหตุผลหลายข้อประกอบกัน



ด้านหลังมีกล้องทั้งหมด 4 ตัว พร้อมกับ Flash อีก 1 ดวง



ด้านบนด้านล่างก็พวกช่องใส่ซิม ลำโพง ฯลฯ เหมือนรุ่นก่อน ๆ ไม่อธิบายนะ ข้าม ๆ ๆ



อ๊ะ แต่ที่ไม่เหมือนรุ่นก่อนคือ ...

ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm แล้วนาจาาาาาาาาาา
และแล้ววันนี้ก็มาถึง ...

ต่อไปด้านขวาที่เดิมมีปุ่ม Power อยู่ ปรากฎตอนนี้เกลี้ยงเกลาไม่มีอะไรเลยยย



ซึ่งไม่ต้องตกใจว่ามันหายไปไหน เพราะปุ่ม Power มันย้ายมาอยู่ด้านซ้าย แทนที่ปุ่ม Bixby เดิมนั่นเองงง (ส่วนปุ่ม Volume ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม)



ทางซัมซุงบอกว่าไม่ได้เอาปุ่ม Bixby ออกนะ แต่เป็นการรวมกัน ซึ่ง ... ก็นั่นแหละ เหมารวมว่าเอาออกละกันนะ

การเปลี่ยนแปลงนี้ก็อาจจะทำให้คนที่ใช้รุ่นก่อน ๆ งง ๆ อยู่บ้าง อย่างเรานี่จะกดเปิดกล้องด้วยการกดปุ่ม Power 2 ครั้งนี่งงทุกที แต่น่าจะชินได้ในวันสองวันแหละ (แต่เลิฟมากที่จะไม่มีการกดพลาดไปโดน Bixby แล้วววว ... เอาน่า ความจริงคือความจริง เราควรยอมรับมันนนน)

คราวนี้ Note 10 บ้าง ด้านหน้าเหมือนกับของ Note 10+ แหละ กล้องก็อยู่ตรงกลางเหมือนกัน ที่เหลือก็เหมือนกัน สรุปคือเหมือนกันเลย จะพูดอะไรเยอะแยะฟระเนยยยย



ทางด้านหลังต่างกันเล็กน้อยตรงที่ไม่มีกล้อง DepthVision แล้วแค่นั้นเอง



ส่วนที่เหลือบนล่างซ้ายขวาเหมือน Note 10+ หมดทุกประการ ดังนั้นขอข้ามข่าบบบบ เดี๋ยวบล็อกยาวเกินไป

ย้ำ ย้ำ บ้ายบายรูหูฟัง 3.5mm

มันจากพวกเราไปแล้ว

เทียบขนาดกับ Note 9 นิดนึง

ขนาดความสูงและความกว้างถือว่าพอ ๆ กับ Note 9 เลย



แต่อย่างไรก็ตาม พอจับแล้วรู้สึกว่ามันไม่เทอะทะเหมือน Note 9 ซึ่งถามว่าทำไม คำตอบมัน มันบางกว่า Note 9 นั่นเองงง ซึ่งก็บางกว่าอยู่เยอะเหมือนกัน



ก็อาจจะต้องขอบคุณช่องหูฟัง 3.5mm ที่สละชีพไปเพื่อการณ์นี้ด้วย

กล้องหลังกับลูกเล่นในวันที่มี DepthVision (Time of Flight Sensor)



ถึงกล้องที่เอาไว้ถ่ายภาพจะมีเหมือน S10+ คือกล้องปกติ (x1) กล้อง Ultra Wide (x0.5) และกล้อง Telephoto (x2) แต่จริง ๆ ก็มีกล้องเพิ่มมาอีกตัวนะคือกล้อง DepthVision Camera ซึ่งถึงฟังดูเหมือนของใหม่ แต่จริง ๆ ทุกคนน่าจะรู้จักกันแล้วแหละในนามของ Time of Flight Sensor (ToF)

หลัก ๆ มันคือกล้องที่ถ่ายภาพออกมาได้เป็นความลึกนั่นแหละ โดยละเอียดที่ 640x480 พิกเซล ยกตัวอย่างเช่น ภาพนี้ที่ถ่ายด้วย Note 10+



ตอนถ่ายด้วยโหมด Live Focus (หน้าชัดหลังเบลอ) กล้อง DepthVision ก็จะแอบถ่ายไปพร้อม ๆ กันและได้ภาพความลึกออกมาเป็นแบบนี้



ซึ่งโดยรวมต้องบอกว่า ภาพความลึกที่ได้นั้นแม่นยำและถ่ายได้รวดเร็วมาก คุณภาพดีกว่ารุ่นก่อน ๆ (ซึ่งใช้เทคนิคความต่างของกล้องสองกล้อง) มากกก มากกกแบบเทียบกันไม่ได้ (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังด้วยว่าความเจ๋งของกล้อง DepthVision นี้จะเปิดให้ทำอะไรได้อีก)

และเราเชื่อว่าคนทั่วไปน่าจะดูสี Depth ไม่ออกหรอก ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือ ... อัปรูปที่ถ่ายด้วย Note 10+ ให้เป็น 3D Photo บนเฟสบุ๊คซะเลย ก็จะเห็นภาพคร่าว ๆ แหละ ตามนี้ ! (ต้องดูบนคอมพ์นะ ดูบนมือถือบ่ได้)



ก็จะเห็นว่าความลึกมันเนียนมากกกก (ส่วนที่ตอนเอียงแล้วอาจมีบางส่วนที่พังก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะจริง ๆ มันเป็นรูป 2 มิติธรรมดา แต่เฟสบุ๊คใช้ Algorithm เพื่อสร้างภาพสามมิติแบบปลอม ๆ ขึ้นมา อาจมีไม่เนียนในบางส่วนอยู่แล้ว) แต่ถ้าเทียบกับ 3D Photo จากมือถือรุ่นอื่น ๆ แม้กระทั่ง iPhone XS เองที่มี ToF Sensor เหมือนกัน ตัว Note 10+ นั้นทำมาได้ดีกว่ามหาศาลเลย ประทับใจ ๆ

ซึ่งการที่ DepthVision Camera มีประสิทธิภาพสูงและทำงานได้รวดเร็ว ทำให้อะไรการถ่ายวีดีโอก็เลยทำ Live Focus ได้แล้ว มี Effect ให้เลือก 5 แบบ เพิ่งนึกออกว่า ... ลืมถ่ายฟุตเทจ !!! ไม่เป็นไร ใช้วีดีโอของซัมซุงเลยละกัน


อย่างไรก็ตามการถ่าย Live Focus Video ก็ไม่ได้ทำได้เหมือนการถ่ายภาพนิ่ง Live Focus ทั้งหมดนะ เพราะตัววีดีโอจะไม่สามารถปรับความเบลอตอนหลังได้ ถ่ายเบลอแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้นไปเลย ซึ่งก็เข้าใจได้แหละ มันเป็นวีดีโอหนิ !

แล้วก็ Effect ที่เลือกถ้าเริ่มถ่ายแล้วจะเปลี่ยนไม่ได้จนกว่าหยุดถ่าย ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องทางซอฟต์แวร์มากกว่า อนาคตอาจจะทำได้ ๆ รอตัวสมบูรณ์ออกก่อนอีกทีเนอะ

สำหรับคนที่มาสายวีดีโอหรือ Vlog พูดเลยว่าฟีเจอร์นี้เวอร์คมากกกกกกกก วีดีโอดูโปรขึ้นสองร้อยห้าสิบเท่าแค่เพียงเปิด Effect

แต่ความเจ๋งของ DepthVision ไม่ได้มีแค่นี้ มันยังทำอะไรได้อีกเพียบ !

วัดระยะห่างด้วยกล้อง

เป็นฟีเจอร์ขำ ๆ ที่นำเสนอความสามารถพื้นฐานของกล้อง DepthVision ได้เป็นอย่างดีเลย แอป ฯ ไม่มีอะไรมาก เอาไว้วัดว่าจุดนั้น ๆ ในภาพอยู่ห่างจากกล้องเท่าไหร่



แล้วมันก็แม่นมากด้วย แต่นี่คือจุดเดียวเลยอาจจะไม่เจ๋งเท่าไหร่ ถ้าเกิดเอาทุกจุดมารวมกันแล้วประมวลผลต่ออีกหน่อยก็ทำอะไรหรูหราฟู่ฟ่าได้เลยนะ

เลยเป็นที่มาของฟีเจอร์ถัดไป

3D Scanner ฟีเจอร์ต่อยอดจากกล้อง DepthVision

พอกล้องมันสามารถวัดความลึกของสิ่งต่าง ๆ ได้ ก็เลยทำให้รู้ว่าวัตถุรูปทรงเป็นยังไง ถ้าถ่ายจากมุมเดียวก็อาจจะรู้แค่มุมเดียว แต่ถ้าถ่ายรอบ ๆ เลยหละ ก็จะรู้มิติครบทุกด้านเลยไง !

และนี่แหละฟีเจอร์ 3D Scanner เดินถ่ายรอบ ๆ แล้วจะได้เป็น 3D Object มาให้เล่นเลยทันที



ถ้าสิ่งที่สแกนมีแขนขาก็สามารถสร้างเป็น Skeleton และผูกกับท่าทางของคนจริง ๆ ได้ด้วย ถ้าคนเต้นมันก็เต้นตาม



ขอยกให้เป็นฟีเจอร์ที่ว้าวสุดในงานนี้เลย แต่ดูเหมือนจะยังทำไม่เสร็จดีเพราะไม่มีให้เล่น แต่ก็มีเดโมให้ดูในงานนะ ยิ่งไปเห็นเค้าเดโมยิ่งชอบเข้าไปอีก คือรอใช้เลยเนี่ย

Zoom Audio ซูมเสียงไปพร้อมกับภาพ

เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากสำหรับคนสายถ่ายวีดีโอเพราะก่อนหน้านี้ตอนซูมภาพเข้าไป เสียงก็จะยังคงเป็นเสียงของบริเวณที่ถือมือถืออยู่ ทำให้ภาพและเสียงดูแปลกไป คราวนี้พอเป็น Note 10/10+ ตอนเราซูมภาพเข้าไป เสียงบริเวณที่ภาพชี้ไปก็จะชัดขึ้นมา ในขณะที่เสียงรอบ ๆ ก็เบาลงไป สุดท้ายภาพและเสียงเลยมีมิติที่สอดคล้องกัน คุณภาพของวีดีโอก็จะดีขึ้นมาอย่างทันทีโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม

อันนี้เป็นวีดีโอโปรโมท ลองดู ๆ


ไม่มีคลิปทดสอบ (ลืมถ่ายอีกละ) แต่เท่าที่ลองดูคือเสียงชัดขึ้นจริงแบบในวีดีโอด้านบนเลย แต่ไม่ได้ดีเท่ากับไมค์บูมอะไรขนาดนั้นนะ แต่สำหรับคนถ่าย Vlog อะไรพวกนี้คือคุณภาพเหลือแหล่เลย

Super Steady ยังอยู่ ดีขึ้นด้วย ซูมได้ด้วย

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ว้าวที่สุดตอนเปิดตัว S10/S10+ อย่าง Super Steady หรือการถ่ายวีดีโอแบบนิ่งจนไม่ต้องพึ่ง Gimbal ก็ยังคงอยู่ แถมดีขึ้นด้วยเพราะใน Note 10 สามารถซูมได้ !

โดยการซูมจะเป็นการทำงานร่วมกันของกล้อง Ultra Wide และกล้อง Wide ที่ระบบจะสลับกล้องให้อัตโนมัติเมื่อถึงระยะซูมที่เหมาะสม

ไว้ได้เครื่องจริงจะทดสอบให้ดูกันอีกรอบนะว่าเนียนแค่ไหนสำหรับฟีเจอร์นี้

กล้องหน้าตัดกล้อง Depth ทิ้งไป



ถ้ายังจำกันได้ กล้องหน้า S10+ นั้นมีกล้องสองตัวคือกล้องสำหรับถ่ายภาพกับกล้องที่เอาไว้วัดความลึก (แต่ไม่ใช่ ToF นะ) สำหรับตัว Note 10 และ Note 10+ นั้นก็ได้ตัดกล้องหน้าที่สองทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ถามว่าส่งผลอะไรมากมั้ยก็ตอบว่าไม่ เพราะด้วยกล้อง Note 10+ ก็ยังถ่ายหน้าชัดหลังเบลอด้วยกล้องหน้าได้อยู่ดี เพียงแต่ต้องถ่าย "หน้าคน" เท่านั้น

ข้อดีเดียวของกล้อง Depth ด้านหน้าที่ S10+ มีคือความสามารถในการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอให้กับ "วัตถุอะไรก็ได้" ด้วยกล้องหน้า แต่ถามว่ามีคนใช้กล้องหน้าถ่ายอะไรแบบนั้น ชีวิตจริงมันก็ไม่มีไง ด้วยเหตุนี้มั้งซัมซุงก็เลยตัดสินใจตัดกล้องหน้าที่สองทิ้งไปจาก Note 10/10+

ผลพลอยได้คือพื้นที่ที่ใช้ติดตั้งกล้องบนหน้าจอเลยน้อยลง ทำให้เห็นจอได้เต็มขึ้นอย่างที่เห็นในดีไซน์นั่นแล

อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอก กล้องหน้ายังคงถ่ายหน้าชัดหลังเบลอหน้าคนได้อยู่เหมือนเดิม รวมถึงวีดีโอก็ได้เช่นกัน ! นี่เป็นตัวอย่างจ้าาา


ขอบอาจจะมีไม่เนียนบ้างเพราะเป็นการตัดตัวคนออกมาด้วย Software ล้วน ๆ อาจมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่จากที่ลองดูแล้วถือว่าคุณภาพน่าพอใจ(มาก)เลยหละ ลองดูด้วยตาตัวเองในวีดีโอด้านบนได้เลยยย

ตัดต่อวีดีโอบนมือถือได้เลย

จริง ๆ เป็นฟีเจอร์ที่มีบนมือถือ Note รุ่นก่อนหน้านี้ก่อนจะหายไปและตอนนี้ก็กลับมาอีกรอบกับซอฟต์แวร์ตัดต่อวีดีโอที่ให้คุณสามารถตัดคลิปอย่างง่ายดายบนมือถือโดยตรงไม่ต้องพึ่งคอมพ์



ค่ดดี ค่ดดี ค่ดดดดดดดี พูดเลย ไม่ต้องพึ่ง InShot แล้ว เย้ !

ร่ายคาถาไปกับ S-Pen กายสิทธิ์

เป็น Galaxy Note ทั้งทีแล้วจะไม่พูดถึง S-Pen ได้อย่างไร บาป !

สำหรับ S-Pen นี่คือเราลุ้นทุกปีอ่ะว่าจะมีอะไรใหม่ แบบ เทคโนโลยีมันจะไม่ตันเลยหรอว้าาา ปีนี้คือเดาไม่ถูกเลยว่าจะทำอะไรได้อีก ก่อนหน้านี้มันก็ทำได้ครบหมดแล้วนะ แต่ปรากฎ Samsung ก็เซอร์ไพรส์เราได้จนได้ ด้วยการพ่วง Motion Sensor 6 แกนมากับ S-Pen เลย ทำให้เราสามารถสั่งงานมือถือได้ด้วยการ "แกว่ง S-Pen" ราวกับเป็นไม้กายสิทธิ์ก็ไม่ปาน ป๊าดดดด

หลัก ๆ ก็จะมีแอป ฯ กล้องที่สามารถปัดขึ้นปัดลงปัดซ้ายปัดขวาเพื่อเปลี่ยนโหมดได้อย่างง่ายดาย หรือควงซ้ายควงขวาเพื่อซูมเข้า-ออกก็ได้เช่นกัน (ท่าเหมือน Harry Potter มาก) อันนี้พามาดูเดโมกันเลยจะได้เห็นว่าใช้งานจริงแล้วเป็นยังไง


ส่วนตัวยกให้ฟีเจอร์นี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ว้าวที่สุดของงานนี้เลยนะ มันเจ๋งและใช้งานได้จริงด้วย พอชินแล้วมันสะดวกมาก ๆ

นอกจากแอป ฯ กล้องแล้วก็ยังมีแอป ฯ อื่นอีกที่สนับสนุนการแกว่งปากกา เช่น YouTube และที่สำคัญสุด ๆ ของสุด ๆ คือ

ซัมซุงเปิด SDK ให้เข้าถึง Motion Sensor บน S-Pen ได้ด้วย ! แล้วก็ปล่อยแล้วด้วย !
พูดง่าย ๆ คือจากนี้เราจะสามารถแกว่งปากกาบนแอป ฯ ต่างได้มากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือรอเกมที่ใช้การแกว่งปากกาเลย น่าจะสนุกมากกกกก

รอติดตามกันต่อไปว่าใครจะเข็นของเล่นเจ๋ง ๆ จากฟีเจอร์ตรงนี้มาอีกบ้าง =D

AR Doodle

ปีนี้ซัมซุงเริ่มเล่นกับ AR มากขึ้นโดยยกเอาความสามารถของ S-Pen มาเสริมทัพ ทำให้ได้ฟีเจอร์ที่เฉพาะตัวและใช้งานได้จริงหลายตัว หนึ่งในนั้นคือ AR Doodle หรือฟีเจอร์ที่ให้เราสามารถเปิดกล้องแล้ววาดรูปลงไปบน "หน้าคน" หรือ "อากาศ" แล้ว ตอนขยับกล้อง สิ่งต่าง ๆ ที่วาดไว้ก็จะขยับตามวัตถุที่เราตั้งไว้

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวาดบนหน้าคนตรงหน้าผาก หากคนนั้นขยับหัว ของที่วาดก็จะขยับตามให้อยู่บนหน้าผากเสมอ อาจจะพอมองเห็นภาพ แต่มาดูวีดีโอกัน อันนี้จะเข้าใจชัดเจนแน่นอน !


มันเป็นลูกเล่นให้คนที่ชอบถ่าย Vlog ได้ทำอะไรสนุก ๆ และทำให้ Content มีมิติขึ้นมาได้มากเลยหละ ชอบ ๆ
Export Notes เป็นไฟล์ Words หรือ PDF

เป็นฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่หลายคนเรียกร้องมานาน กับคนที่ชอบจดโน้ตบน Samsung Notes แล้วบอกว่าเอาไปใช้ต่อยากเหลือเกิน ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เราสามารถแปลงลายมือให้เป็นข้อความและ Export เป็น Words Format หรือ PDF ได้เลยทันที



ก็น่าจะตอบโจทย์หลาย ๆ คนที่มี Pain นี้อยู่ครับ =)

ชาร์จเร็วขึ้นด้วย Adapter 25W

Note 10 และ Note 10+ จะมาพร้อมกับ Adapter ที่กระโดดพลังชาร์จจาก 18W ขึ้นเป็น 25W ทำให้ชาร์จเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถึงจะฟังดูไม่มีอะไรมาก แต่การชาร์จเร็วนี่มันสำคัญจริง ๆ นา เลยเขียนให้ไว้หัวข้อนึง

ชาร์จไวไว๊ไวด้วย Super Fast Charging 45W [Note 10+ เท่านั้น]

สำหรับ Note 10+ จะชาร์จได้เร็วขึ้นไปอีกเพราะจะสามารถชาร์จได้ด้วยพลังถึง 45W สามารถชาร์จแบตที่เพียงพอต่อการใช้ 1 วันเต็มด้วยการชาร์จเพียง 30 นาทีเท่านั้น



ความเร็วในการชาร์จถือว่าสะใจมาก แต่อย่างไรก็ตาม ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มนาจา ในกล่องที่ให้มายังคงเป็น 25W อยู่ดีย์

Samsung DeX for PC

Samsung DeX หรือฟีเจอร์ที่เราสามารถเปิด DeX Mode (โหมดระบบปฏิบัติการที่เหมือน Desktop) บนหน้าจออื่น เช่น ทีวี ก็มีการอัปเกรดแบบมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยรอบนี้ Note 10/10+ มาพร้อมฟีเจอร์ Samsung DeX for PC ที่ให้เราสามารถรัน DeX Mode บนระบบปฏิบัติการอื่นได้แล้ว ทั้ง Windows 7/10 และ Mac OS X จากที่ก่อนหน้านี้สามารถรันบนหน้าจอเปล่า ๆ ที่ไม่มีระบบปฏิบัติการได้เท่านั้น



โดยฟีเจอร์ก็ครบถ้วนเลย สามารถโอนย้ายไฟล์ระหว่างคอมพ์และมือถือผ่านโหมดนี้ได้อย่างง่ายดาย

หรือถ้ามีใครมี Presentation บนมือถือแล้วอยากเสียบคอมพ์พรีเซ็นต์ ก็ทำได้โดยไม่ต้องโอนไฟล์ลงคอมพ์ให้เสียเวลา

ประโยชน์มีเยอะ แล้วแต่ใครคิดจะทำอะไรเลยยยย

อย่างไรก็ตาม ... ต้องเสียบสายนะจ๊ะ ตกลงที่บอกว่า DeX ไร้สายเนี่ย ไม่มี

ร่วมมือกับ Microsoft ทำแอป ฯ ทำงานร่วมกับ Note 10 บน Windows

ปีนี้ Samsung เริ่มหา Partner มาร่วมงานด้วยหลายเจ้า หนึ่งในเจ้าใหญ่มาก ๆ ก็คือ Microsoft ที่งานนี้จริงจังขนาดที่ CEO ของ Microsoft บินมาขึ้นเวทีงานเปิดตัวนี้ด้วยตัวเองเลยด้วย

จริง ๆ มีการร่วมมือกับ Microsoft หลายอย่าง แต่หลัก ๆ ที่ถูกยกมาเป็นพระเอกคือ "แอป ฯ ที่เอาไว้ทำงานร่วมกับ Note 10 บน Windows แบบไร้สาย"

มันคือแอป ฯ ที่ทำให้เราสามารถใช้งานฟังก์ชันมือถือผ่าน Windows ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการรับส่ง SMS การจัดการ Notification หรือแม้กระทั่ง Mirror หน้าจอให้สั่งงานผ่านคอมพ์ได้เลย แทบไม่มี Latency ให้เห็น สตรีมเร็วมากกกก



แน่นอนว่าการโอนย้ายไฟล์ระหว่าง Windows และมือถือก็ทำได้อย่างง่ายดายผ่านแอป ฯ นี้

อนาคตเห็นว่าจะให้โทรหรือรับสายผ่าน Windows ได้ด้วยนะ ภายในปีนี้นี่แหละ

หากให้อ่าน Strategy คิดว่ามูฟนี้น่าจะเป็นการตี Ecosystem ของแอปเปิ้ลที่ให้อุปกรณ์ iOS สามารถทำงานร่วมกับ Mac ได้นั่นแหละ ซึ่งนาทีนี้พอกระแส Windows เริ่มแรงขึ้น ฟีเจอร์นี้ก็ดูสำคัญมากเลยนะ นี่ก็จะเปลี่ยนไปใช้ Windows อยู่เร็ว ๆ นี้เหมือนกัลลล

เอาใจคอเกมด้วย Vapor Chamber เกมหนักแค่ไหนก็ไม่ร้อน !

แผ่นระบายอากาศ (Vapor Chamber) ที่มีใน S10+ ก็มีใน Note 10/10+ ด้วยเช่นกัน งานนี้เล่นเกมยังไงเครื่องก็ไม่ร้อนจนมือพอง อย่างมากก็แค่อุ่น ๆ



ถามว่าประสิทธิภาพดีแค่ไหน ขอเทียบกับ S10+ ละกัน เคยลองเล่นเกมเดียวกันใน Note 9 และ S10+ ปรากฎว่า Note 9 Overheat ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ส่วน S10+ เปิดค้างทั้งวันก็ไม่เป็นอะไร (ทดลองในห้องเดียวกัน) โดยรวมต้องบอกว่า Vapor Chamber ใช้งานได้มีประสิทธิภาพจริง คอเกมต้องชอบ

แต่ถ้าเอาไปเล่นในประเทศที่ร้อนระดับอิมพอร์ตนรกมาอย่างประเทศไทยก็คงต้องดูกันอีกทีอ่านะ ...

สี ! ... สวย !!!

มาถึงเรื่องสำคัญ ... สีตัวเครื่องจย้าาาาา ปีนี้ Samsung ก็เซอร์ไพรส์ด้วยการออกสีใหม่ได้อีกอย่างสี Aura Glow ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีได้ตามสิ่งที่มันสะท้อน สวยด้วย !



สำหรับสีอื่นก็อาจจะไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็คลาสสิคและสวยอยู่ อย่าง Note 10+ ก็มีสี่สี Aura Glow, Aura White, Aura Black และ Blue (ซึ่งสีน้ำเงินจะไม่เข้าไทย ส่วนที่เหลือเข้าหมด)



ทางด้าน Note 10 ตัวน่อยมีอยู่ 4 สีเหมือนกันคือ Aura Glow, Aura Black, Pink และ Red ซึ่งมีแค่สีแดงที่ไม่เข้าไทย ส่วนที่เหลือเข้าหมดครับ)



อันนี้เอาวีดีโอของสีต่าง ๆ ตอนเคลื่อนไหวมาให้ดู จะเห็นว่า Aura Glow สีเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมได้อย่างสวยงามจริงจัง


ขายดีแน่ Aura Glow ! ชอบ !

ราคา

ที่ไทยเปิดตัวอย่างเป็นทางการและประกาศราคาแล้ว ตามนี้ !



เผื่อใครโหลดรูปไม่ขึ้น ราคาตามนี้

Note 10: 32,900 บาท

Note 10+ (256GB): 37,900 บาท

Note 10+ (512GB): 40,900 บาท

ถูกหรือแพงยังไงก็แล้วแต่คนจะมอง เนยจะไม่ยุ่ง ...

รีวิวเต็ม ๆ กำลังจะตามมา

มีรีวิวเต็ม ๆ (โดยเฉพาะกล้อง) แน่นอน แค่ขอรอเครื่องจริงก่อน เผอิญรอบนี้มีเวลาเล่นเครื่องน้อยพอสมควรเลยยังไม่จุใจ ไว้วางขายแล้วจะสอยมารีวิวให้ดูกันนะว่าดีไม่ดียังไง

แต่โดยรวมแฮปปี้มาก อยากได้เพราะ DepthVision Camera เลย ทำอะไรได้หลายอย่างจริง ๆ โดยเฉพาะ 3D Scanner อยากใช้แล้วววววว

ยังไงไว้เจอกันอีกทีตอนรีวิวนะ บล็อกนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่ แว้บบบบบ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้